ข้อต่อเกลียวได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยและแน่นหนาระหว่างท่อหรือข้อต่อเกลียวสองอัน มีเกลียวภายในที่ปลายทั้งสองข้าง ช่วยให้สามารถขันเกลียวเข้ากับเกลียวภายนอกของท่อหรือข้อต่อได้ เมื่อขันให้แน่นแล้ว ข้อต่อจะสร้างข้อต่อที่แข็งแกร่งซึ่งป้องกันการรั่วไหลและรับประกันการไหลของของไหลหรือก๊าซโดยไม่หยุดชะงัก
การใช้งานที่หลากหลาย:
ข้อต่อเกลียวพบการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย รวมถึงระบบประปา HVAC (การทำความร้อน การระบายอากาศ และการปรับอากาศ) การชลประทาน และระบบท่อทางอุตสาหกรรม ใช้สำหรับเชื่อมต่อท่อ วาล์ว และอุปกรณ์ติดตั้งในที่พักอาศัย อาคารพาณิชย์ และอุตสาหกรรม มอบโซลูชันที่สะดวกและมีประสิทธิภาพสำหรับการต่อส่วนประกอบแบบเกลียว
การเลือกใช้วัสดุ:
ข้อต่อเกลียวมีจำหน่ายในวัสดุหลากหลายเพื่อให้เหมาะกับสภาพการทำงานและตัวกลางที่แตกต่างกัน วัสดุทั่วไป ได้แก่ ทองเหลือง สแตนเลส เหล็กคาร์บอน และพีวีซี (โพลีไวนิลคลอไรด์) การเลือกใช้วัสดุขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความต้านทานการกัดกร่อน อัตราแรงดัน อุณหภูมิ และความเข้ากันได้กับของเหลวที่ขนส่ง
ความง่ายในการติดตั้ง:
ข้อได้เปรียบที่สำคัญประการหนึ่งของข้อต่อเกลียวคือความง่ายในการติดตั้ง สามารถขันสกรูเข้ากับท่อหรือข้อต่อเกลียวได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายโดยใช้เครื่องมือพื้นฐาน เช่น ประแจหรือประแจท่อ ความเรียบง่ายในการติดตั้งนี้ช่วยลดต้นทุนแรงงานและเวลาหยุดทำงาน ทำให้ข้อต่อเกลียวเป็นตัวเลือกที่ต้องการสำหรับการซ่อมแซม บำรุงรักษา และการติดตั้งระบบประปา
ซีลป้องกันการรั่ว:
ข้อต่อเกลียวได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างซีลป้องกันการรั่วระหว่างส่วนประกอบที่เชื่อมต่อ เกลียวบนข้อต่อจะยึดเข้ากับเกลียวบนท่อหรือข้อต่อ ทำให้เกิดการเชื่อมต่อที่แน่นหนาและแน่นหนาเพื่อป้องกันไม่ให้ของเหลวหรือก๊าซหลุดออกมา การติดตั้งและการขันข้อต่อให้แน่นอย่างเหมาะสมทำให้มั่นใจได้ว่าซีลที่เชื่อถือได้ซึ่งทนทานต่อแรงกดและรักษาความสมบูรณ์อยู่ตลอดเวลา
ความเข้ากันได้:
ข้อต่อเกลียวมีหลายขนาดและมาตรฐานเกลียวเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถใช้งานร่วมกับเส้นผ่านศูนย์กลางท่อและประเภทเกลียวที่แตกต่างกัน มาตรฐานเกลียวทั่วไป ได้แก่ NPT (National Pipe Thread), BSP (British Standard Pipe) และเกลียวเมตริก จำเป็นต้องเลือกข้อต่อที่ตรงกับขนาดเกลียวและประเภทของท่อหรือข้อต่อที่เชื่อมต่อเพื่อให้แน่ใจว่าพอดีและปิดผนึกอย่างเหมาะสม